เร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคม พลิกโฉมประเทศ

กรุงเทพฯ 12 ม.ค.- “ศักดิ์สยาม” ดันเม็ดเงินกว่า 1.2 แสนล้านบาท เร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคมในปี 2566 หวังดันจีดีพีประเทศฟื้นตัว 2.35% เพิ่มขีดความสามารถพลิกโฉมประเทศ พร้อมกางแผนลุยโปรเจกต์ปีนี้ ครอบคลุมบก-น้ำ-ราง-อากาศ


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนา Seminar 2022 By Transport Journal และกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “THAILAND SEAMLESS : MOVING FORWARD & GO GREEN” มิติใหม่ “คมนาคม” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ พร้อมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมงานสัมมนา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า จากนโยบายภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสามารถเชื่อมโยงการเดินทาง      ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 – 3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายมิติไปพร้อม ๆ กัน ทั้งทางถนน ราง น้ำ และอากาศ เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมครอบคลุม เชื่อมต่อ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทย พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ โดยกระทรวงฯ มีแผนที่จะลงทุนในอนาคตทั้งแผนระยะกลางและระยะยาว เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยมีความพร้อมสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ตรงเวลา ราคาสมเหตุสมผล และสามารถเข้าถึงการบริการได้ง่ายและเท่าเทียม รวมถึงรูปแบบการพัฒนาต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ว่า ประเทศไทยมีเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) ด้วยเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงฯ จึงได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบทางถนนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเร่งรัดการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อให้เป็นรูปแบบการเดินทางหลักสำหรับการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการการขนส่งทางน้ำ และการขยายท่าอากาศยานให้รองรับ การเดินทางทางอากาศได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ ได้วางกรอบแนวทางการพัฒนาระบบการคมนาคมของไทยไปสู่อนาคต ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีโครงการสำคัญ ดังนี้

  1. โครงการแผนแม่บทการพัฒนา MR-Map ที่มุ่งเน้นการกระจายความเจริญไปในพื้นที่   ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยโครงข่าย MR-Map ประกอบด้วย โครงข่ายทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ซึ่งมีการพัฒนา   อยู่ในพื้นที่เดียวกัน สำหรับการออกแบบแนวเส้นทาง MR-Map จะเป็นแนวตรงเพื่อลดระยะเวลาการเดินทาง ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง ลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน และลดการแบ่งแยกชุมชนออกเป็นสองฝั่ง
  2. โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย – อันดามัน (Land Bridge) ซึ่งเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม เพื่อบูรณาการรูปแบบการขนส่งเชื่อมโยงสองฝั่งทะเลเป็นแบบท่าเรือเดียวเชื่อม 2 ฝั่ง (One Port Two Sides) และมีการนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาช่วยในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ปัจจุบันโครงการฯ อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการลงทุน คาดว่าจะเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบในหลักการได้ภายในเดือนมกราคม 2566 โดยตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 2568 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2573
  3. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางถนน กระทรวงฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ 1) การปรับความเร็วสูงสุดบนทางหลวงเป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเส้นทางที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด ปัจจุบันได้เปิดใช้งานแล้ว 11 สายทาง ระยะทางรวม 218 กิโลเมตร 2) การพัฒนานำระบบ M-Flow มาใช้ในการจัดเก็บค่าผ่านทาง โดยเป็นระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น ทำให้รถสามารถวิ่งผ่านด่านได้อย่างสะดวก คล่องตัว ไม่ต้องหยุด หรือชะลอรถ ช่วยแก้ปัญหารถติดบริเวณหน้าด่าน ปัจจุบันเปิดใช้งานแล้ว 4 ด่าน บนมอเตอร์เวย์ M9 โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กำลังขยายผลการพัฒนาระบบเพื่อใช้กับด่านบนทางพิเศษอีก 3 ด่าน ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2566 3)

การพัฒนาโครงข่ายมอเตอร์เวย์เชื่อมโยงภูมิภาค อาทิ มอเตอร์เวย์M6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ และมอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียน – เอกชัย – บ้านแพ้ว 4) การพัฒนาโครงข่ายถนนสายใหม่ เชื่อมโยงภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ และถนนแนวใหม่เชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน – สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม และ 5) การพัฒนาโครงข่ายทางถนนมอเตอร์เวย์/ทางพิเศษในอนาคต อาทิ ทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ – วงแหวนรอบนอกพรุงเทพฯ รอบที่ 3 และทางพิเศษสายเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้าง Missing Link เพื่อเติมเต็มโครงข่าย ทางถนนให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมทำให้ระบบโลจิสติกส์ของประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการพัฒนาโครงข่ายทางถนนแล้วเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระทรวงฯ ได้เริ่มให้บริการระบบขนส่งสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) ในหลายเส้นทาง ปัจจุบันมีรถโดยสารไฟฟ้าให้บริการแล้ว จำนวน 318 คัน และภายในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 คัน

  1. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางราง กระทรวงฯ มีนโยบายในการมุ่งส่งเสริมการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนไปสู่ทางราง ทั้งการเดินทางในเมือง การเดินทางระหว่างเมือง และการขนส่งสินค้า โดยในปัจจุบันได้เปิดให้บริการระบบรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แล้ว จำนวน 11 สาย ระยะทางรวม 212 กิโลเมตร อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 4 สาย ระยะทางรวม 114 กิโลเมตร อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน และจะเปิดประมูลอีก 4 สาย คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2574 สำหรับอนาคตมีแผนดำเนินการเพิ่มเติมอีก 8 สาย อาทิ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดง การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ และช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ช่วงบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม การพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ – หนองคาย และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แก้ไขปัญหาจราจร และปัญหามลพิษ
  2. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางน้ำ กระทรวงฯ เร่งผลักดันการพัฒนาท่าเรือ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือ อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 การพัฒนาท่าเรือกรุงเทพฝั่งตะวันตกเป็นท่าเรืออัตโนมัติ (Automated Container Terminal) การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ โครงการจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญ (Marina) ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย และโครงการเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้ผลักดันการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2563 ปัจจุบัน มีเรือโดยสารไฟฟ้าที่ให้บริการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 51 ลำ และจะเพิ่มเป็น 69 ลำ ในปี 2566
     
  3. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางอากาศ กระทรวงฯ มีแผนในการเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางอากาศให้มากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณการเดินทางทางอากาศ และเพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ประเทศไทยว่าจะมีสูงถึง 200 ล้านคน ในปี 2574 กระทรวงฯ จึงมีแผนการพัฒนาท่าอากาศยาน ดังนี้ 1) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โดยเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี 2) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15.9 ล้านคนต่อปี 3) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ในปี 2570 และ 4) การพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 เพื่อขยายขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคนต่อปี เป็น 18 ล้านคนต่อปี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2566 กระทรวงฯ มีวงเงินลงทุนทั้งในและนอกงบประมาณภาคคมนาคม จำนวน 124,839 ล้านบาท สามารถจำแนกตามแหล่งเงินได้เป็น เงินงบประมาณ 35,396 ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณ (รายได้รัฐวิสาหกิจ เงินกู้ และ PPP) จำนวน 89,443 ล้านบาท ซึ่งจากแผนการลงทุนตามแผนปี 2566 จะทำให้เกิดการจ้างงานและมีการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการคมนาคมและขนส่งอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพให้เกิดการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน และยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างก้าวกระโดดต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]