“วิทัย รัตนากร” นักการเงินแห่งปี 65 Financier of the Year 2022

กรุงเทพฯ 8 ธ.ค.-วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2565 ประกาศรางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” โดยคณะกรรมการตัดสินรางวัลมีมติให้ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ครองตำแหน่งนักการเงินแห่งปี 2565 ด้วยคุณสมบัติของการเป็นนักการเงินแห่งปีครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้ง 4 ด้าน เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ สร้างความเติบโตยั่งยืนให้กับองค์กร รับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม


วารสารการเงินธนาคาร ได้มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี Financier of the Year มาเป็นเวลา 40 ปีแล้วโดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี 2525 ในชื่อเดิมของรางวัล “นายธนาคารแห่งปี” เพื่อยกย่องผู้บริหารระดับสูงของธนาคารสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งสถาบันการเงินประเภทอื่นที่มีผลงานโดดเด่นมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัย สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตก้าวหน้าและยั่งยืน ในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งรางวัลนักการเงินแห่งปี ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษาว่าเป็นรางวัลเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจ

สำหรับปี 2565 คณะกรรมการตัดสินรางวัล “นักการเงินแห่งปี” มีมติเอกฉันท์มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี2565 Financier of the Year 2022 ให้กับ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 


ด้วยผลงานที่โดดเด่นผ่านคุณสมบัติการเป็นนักการเงินแห่งปีตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ด้าน คือ 1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย 2. เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ 3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตและยั่งยืนให้กับองค์กร 4.เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยเป็นนักการเงินแห่งปีคนที่ 31 ของ วารสารการเงินธนาคาร จากวันแรก 1 กรกฎาคม 2563 ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน นายวิทัย รัตนากร ได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับบทบาทธนาคารออมสินมุ่งสู่การเป็น “Social Bank” หรือ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลเชิงบวกแก่สังคม “Making POSITIVE Impact on Society” ด้วยการดูแลลูกค้าและประชาชน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการรายย่อย และองค์กรชุมชน เพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศด้วยการทำธุรกิจ Dual Track แบบสมดุลทั้งภารกิจเชิงพาณิชย์ (Commercial) เพื่อสร้างกำไรมาอุดหนุนภารกิจด้านสังคม (Social)

โดยภารกิจแรกในการเดินหน้าสู่ธนาคารเพื่อสังคม คือการนำธนาคารออมสินเข้าสู่ธุรกิจ Non-Bank อย่างเต็มตัวด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดในปัจจุบัน เป้าหมายแรกคือการเข้าไปแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ในนามบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ปัจจุบันได้อนุมัติสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ไปแล้วจำนวน1.4 ล้านราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 28,000 ล้านบาท และสามารถกดโครงสร้างดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจาก 28% ต่อปีให้เหลือ 16-18% ต่อปี

ภารกิจต่อมาคือ การเข้าช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยด้วยการออก “สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน” วงเงินโครงการ10,000 ล้านบาท โดยมีแนวคิดในการเป็นตัวเลือกที่ยุติธรรมให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่เป็น SMEs สามารถใช้โฉนดที่ดินมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปเสริมสภาพคล่องให้กับกิจการ หรือนำไปไถ่ถอนจากสัญญาขายฝากที่ทำไว้


หลังจากประสบความสำเร็จจากการปล่อยสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ที่เปิดให้กู้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ภายในระยะเวลา 2 ปี ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้ว 21,254 ล้านบาท จึงเกิดเป็นแนวคิดการจัดตั้ง บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด เข้าทำธุรกิจแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อผลักดันให้เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ ลดโครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริง เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่มีต้นทุนถูกลงและมีเงื่อนไขที่เป็นธรรม พร้อมช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ

นอกจากนี้ ยังได้วางแผนจัดตั้งบริษัทประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคล (Personal Loan) เนื่องจากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลสูงเกินไป เป้าหมายของการเข้าไปดำเนินธุรกิจในครั้งนี้ เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงมามากว่า 5% จากเดิมที่อยู่ระดับ 25% ต่อปี

นายวิทัยมองว่า สิ่งที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจ Social Bank ให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายก็คือDigital Banking ที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ยังช่วยสนับสนุนงานของสาขาได้เป็นอย่างดี ธนาคารจึงได้พัฒนาบริการลักษณะเฉพาะ หรือ Feature ใหม่ๆ บนแอปพลิเคชั่น MyMo เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปสาขาแต่สามารถใช้บริการบนโทรศัพท์มือถือได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการสินเชื่อแบบDigital Lending บริการเปิดบัญชีเงินฝาก (e-KYC) การปรับแผนชำระหนี้ การตรวจสอบข้อมูล Credit และ Credit Scoring เป็นต้น

ธนาคารยังได้วางแผนพัฒนา Digital Lending ให้สามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบนสมาร์ต โฟนด้วยแอปพลิเคชั่นMyMo ให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล Alternative Data Analytic อย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับรายเล็ก หรือ Micro Finance ซึ่งปัจจุบันธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อรายย่อยผ่าน MyMo ได้มากกว่า 1.7 ล้านราย วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 30,000 ล้านบาท และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้า 5.5 แสนราย จากที่มีลูกค้าใช้ MyMo รวม 13 ล้านราย

สำหรับภารกิจสำคัญอีกประการหนึ่งของธนาคารออมสินคือการส่งเสริมการออม ที่ทุกคนมีภาพจำว่า ธนาคารออมสินเป็นธนาคารเพื่อการออมของกลุ่มเด็ก มาในสมัยของนายวิทัย ได้ขยายบทบาทการส่งเสริมการออมโดยให้ความสำคัญกับการวางแผนเกษียณ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมสินระยะยาวเพื่อการเกษียณ เป็นการสร้างหลักประกันให้ประชาชนฐานรากชีวิต มีความพร้อมก้าวสู่วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพควบคู่ไปกับการสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชน ผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ “ออมตังค์” ให้ความรู้ทางการเงินและหลักสูตรพัฒนาทักษะอาชีพ และแอปพลิเคชั่น “โค้ชออม” ซึ่งเป็นตัวช่วยวางแผนการออมให้ผู้ใช้แอปฯ สามารถทดลองคำนวณปริมาณเงินออมตามเป้าหมายต่างๆ ได้ด้วยตนเอง สามารถนำไปปรับใช้วางแผนการออม ทั้งที่เป็นเป้าหมายการออมระยะสั้นหรือการออมระยะยาว เพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ธนาคารออมสินได้ปรับบทบาทเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” ภายใต้การนำของนายวิทัย ธนาคารได้ทำภารกิจช่วยเหลือสังคมที่เป็นรูปธรรมในหลายมิติ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งธนาคารเป็นหน่วยงานหลักในการส่งต่อความช่วยเหลือให้ประชาชนและภาคธุรกิจตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการต่างๆ ถึง 47 โครงการ ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือประชาชนได้แล้ว 13 ล้านคน และปล่อยสินเชื่อกว่า 6.8 ล้านรายวงเงิน 1.66 ล้านล้านบาท

นอกเหนือจากมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ แล้ว ธนาคารออมสินยังมี “โครงการออมสินสร้างงาน สร้างอาชีพ” เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถต่อยอดสร้างรายได้ในตนเองและครอบครัว ภายใต้แนวคิด 4 “ให้” ได้แก่ ให้ทักษะ ให้เงินทุน ให้อุปกรณ์ ให้พื้นที่ขาย เพื่อช่วยให้มีอาชีพ ฟื้นฟูรายได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสินยังสามารถรักษาการเติบโตของผลประกอบการได้ย่างต่อเนื่อง โดย ณ เดือนตุลาคม 2565 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 23,997 ล้านบาท คาดการณ์กำไรทั้งปี 2565 ที่ 27,200 ล้านบาท สามารถนำส่งรายได้เข้ารัฐเป็นจำนวนเงิน 17,349 ล้านบาทสูงสุดเป็นอันดับ 4 จากรัฐวิสาหกิจ 58 แห่ง

ขณะที่ธนาคารมีสินทรัพย์ 3 ล้านล้านบาท เงินฝาก 2.57 ล้านล้านบาท สินเชื่อ 2.23 ล้านล้านบาท พร้อมกับสามารถรักษาระดับ NPLs ได้ที่ 2.71% ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) 168.86% และมีเงินสำรองรวม (Total Provision) และเงินสำรองทั่วไป (General Provision) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มเงินกันสำรองเพื่อรองรับหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น ณ ตุลาคม 2565 จำนวน 44,063 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 39,988 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีเงินสำรองเพียง 4,075 ล้านบาท

ในด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี นายวิทัยได้ประกาศนโยบายของผู้นำองค์กร (Tone at the top) ที่จะดำเนินธุรกิจที่ยึดหลัก Governance “เน้นความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูล การต่อต้านและลดทุจริต” เพื่อเป็นแรงส่งให้พนักงานในองค์กรปฏิบัติตาม และสร้างให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) ด้วยการอบรมให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ จัดทำสื่อการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ จัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วม สร้างความตระหนักให้แก่พนักงานและลูกจ้างในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการสร้าง Role Model ผ่านโครงการให้รางวัลจริยธรรมและจรรยาบรรณ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]