มาเลเซียเจรจาซื้อวัคซีนโควิดรัสเซียและจีน

กัวลาลัมเปอร์ 23 ธ.ค.- มาเลเซียกำลังเจรจาซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากรัสเซียและจีน อีกทั้งจะเพิ่มการสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์/ไบออนเทค เพื่อให้ครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเลเซียเผยกับสื่อว่า รัฐบาลใช้งบประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,096 ล้านบาท) เพื่อจัดซื้อวัคซีนให้ประชาชน 26.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 82.8 ของประชากรทั้งประเทศ โดยได้สั่งซื้อจากไฟเซอร์ของสหรัฐและแอสตราเซนเนกาของอังกฤษไปแล้ว ขณะนี้กำลังเจรจาสั่งซื้อวัคซีนสปุตนิกวีจากสถาบันกามาเลยาของรัสเซียจำนวน 6.4 ล้านโดส และเจรจาสั่งซื้อจากซิโนแวกไบโอเทคและกังซีโนไบโอโลจิกส์ของจีนด้วย เหตุผลที่รัฐบาลต้องเพิ่มเป้าหมายปริมาณวัคซีนเพราะต้องเผื่อว่า วัคซีนบางขนานอาจไม่ผ่านการอนุมัติ หรือผู้ผลิตอาจส่งมอบไม่ทัน รัฐมนตรีมาเลเซียเผยด้วยว่า รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์แล้ว 12.8 ล้านโดส คาดว่าลอตแรกจะมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะนี้กำลังเจรจาสั่งซื้อเพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมประชากรที่เหลืออีกร้อยละ 20 ส่วนแอสตราเซนเนการัฐบาลตกลงสั่งซื้อแล้ว 3.2 ล้านโดส และจะได้อีก 6.4 ล้านโดสผ่านโครงการโคแว็กซ์ที่นำโดยสหประชาชาติ ข้อมูลของทางการมาเลเซียมีระบุว่า มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 97,389 คน เสียชีวิต 439 คน.-สำนักข่าวไทย

โควิดกลายพันธุ์ในอังกฤษอาจมีในอินเดียแล้ว

นิวเดลี 23 ธ.ค.- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษราวเดือนกันยายนอาจแพร่มาถึงอินเดียแล้ว ขอให้เพิ่มการเฝ้าระวังด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ในวงกว้าง เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์รายงานว่า ไวรัสโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อทางการวิจัยว่า VUI–202012/01 พบในผู้ป่วยในกรุงลอนดอนเกือบร้อยละ 60 นับจนถึงช่วงกลางเดือนนี้ เชื่อกันว่าแพร่ได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิมร้อยละ 70 แวดวงวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาถึงการก่อโรค ผล และความรุนแรง รัฐบาลอินเดียได้สั่งห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร และตรวจหาเชื้อกับผู้เดินทางมาจากอังกฤษทุกคน ผลตรวจวานนี้พบ 22 คนมีผลตรวจเป็นบวก ขณะนี้ส่งตัวอย่างไปถอดรหัสพันธุกรรมแล้ว ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมิกส์และชีววิทยาเชิงบูรณาการของอินเดีย หนึ่งในห้องทดลองปฏิบัติการที่ถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 มองว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังไม่เข้าอินเดีย เชื้อนี้ติดได้ง่ายขึ้น แต่จะเกิดขึ้นกับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น เช่นเดียวกับนักไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยอโชก้าที่เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้เข้ามาในอินเดียแล้ว เพราะอินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากเป็นอันดับสองของโลก จึงต้องเพิ่มการถอดรหัสพันธุกรรมที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้น ขณะนี้อินเดียถอดเพียง 1 ครั้งต่อผู้มีผลตรวจเป็นบวกทุก 3,000 ราย องค์การอนามัยโลกแนะว่าควรถอด 1 ครั้งต่อผู้มีผลตรวจเป็นบวกทุก 300 ราย หากไม่เร่งดำเนินมาตรการป้องกัน ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจแพร่กระจายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว อินเดียมีผู้ป่วยโรควิด-19 สะสมกว่า 10 ล้านคน […]

เมียนมาประท้วงจีนกั้นรั้วพรมแดนสกัดโควิด

วอชิงตัน 23 ธ.ค.- สื่ออเมริการายงานว่า เมียนมาประท้วงจีนที่กั้นรั้วลวดหนามบริเวณพรมแดนจีนด้านติดกับรัฐฉาน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เว็บไซต์สถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า จีนเริ่มสร้างกำแพงใหญ่ทางใต้ (Southern Great Wall) เมื่อต้นปี ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้วเป็นระยะทาง 660 กิโลเมตรตั้งแต่เดือนกันยายน และได้เริ่มกั้นรั้วด้านติดกับสามเมืองที่อยู่เขตปกครองตนเองโกก้างในเดือนเดียวกัน บางจุดมีความสูงถึง 3 เมตร สื่อจีนรายงานว่า เป็นไปเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เข้ามาระบาดในจีนด้วยการสกัดการลอบข้ามพรมแดนในทั้งสองฝั่ง ทางการเมืองเล่าก่าย เมืองเอกของโกก้างเผยว่า จีนแจ้งว่ากั้นรั้วเพื่อป้องกันคนลอบเข้าเมืองช่วงโควิดระบาดหนัก และจะรื้อทิ้งทันทีที่สถานการณ์การระบาดดีขึ้น เป็นรั้วลวดหนามที่ดูเหมือนสร้างขึ้นชั่วคราว ไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่ได้เปิดกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนและต้นธันวาคม พบว่ารั้วยังคงอยู่ จึงได้แจ้งประท้วงไปยังทางการจีนแล้ว เพราะละเมิดสนธิสัญญาปักปันเขตแดนปี 2504 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือรั้วภายใน 10 เมตรของเส้นแบ่งพรมแดน   เลขาธิการพรรคประชาธิปไตยโกก้างเผยว่า จีนกั้นรั้วในอีกหลายพื้นที่ที่ติดกับเมียนมา ไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไร ด้านผู้อำนวยกรมชายแดน กระทรวงต่างประเทศเมียนมากล่าวว่า สนธิสัญญาปี 2504 อนุญาตให้สร้างรั้วชั่วคราว แต่ห้ามสร้างกำแพงถาวร รัฐบาลได้ยื่นประท้วงจีนแล้วเรื่องสร้างรั้ว […]

ชาวสิงคโปร์ลังเลเรื่องรับวัคซีนโควิด

สิงคโปร์ 23 ธ.ค.- ชาวสิงคโปร์บางส่วนรู้สึกลังเลขณะที่ทางการเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วประเทศแบบสมัครใจและไม่คิดค่าใช้จ่าย หลังจากได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นประเทศแรกในเอเชีย ช่างภาพชายวัย 39 ปีเผยว่า จะฉีดแน่นอน เพราะเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกทุกวัน จึงต้องรับผิดชอบต่อคนใกล้ตัว ขณะที่สตรีวัย 40 ปีมองว่า สิงคโปร์ควบคุมการระบาดได้ดีอยู่แล้ว ยอดผู้ป่วยใหม่และเสียชีวิตแทบไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่คิดว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ผู้จัดการขายคนหนึ่งกล่าวว่า จะรอจนกว่าคนร้อยละ 80 รับวัคซีนไปแล้วไม่มีผลข้างเคียง ในระหว่างนี้เขายินดีสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดไปก่อน นักวิชาการคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ชี้ว่า ชาวสิงคโปร์รับวัคซีนตั้งแต่เด็กมากถึงร้อยละ 90 อยู่แล้ว จึงไม่ต่อต้านการฉีดวัคซีน แต่วัคซีนโควิดที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ใช้เวลาพัฒนาและอนุมัติเร็วกว่าปกติทำให้คนกังวล หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์สำรวจผู้อ่านเมื่อต้นเดือน ร้อยละ 48 ตอบว่าจะรับวัคซีนเมื่อพร้อมใช้ ขณะที่ร้อยละ 34 จะขอรอดูไปก่อน 6-12 เดือน รอยเตอร์มองว่า รัฐบาลสิงคโปร์หวังว่า วัคซีนจะช่วยให้เปิดเศรษฐกิจได้มากขึ้น เพราะต้องพึ่งพาการเดินทางและการค้า อีกทั้งยังเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ในปีหน้า นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง วัย 68 […]

เกาหลีใต้ป่วยโควิดใหม่เกินวันละ 1,000 คนอีก

โซล 23 ธ.ค.- เกาหลีใต้กลับมามีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่เกินวันละ 1,000 คนอีกครั้งในวันนี้ หลังจากต่ำกว่า 1,000 คนมาสองวัน ขณะที่ทางการยังไม่คิดยกระดับมาตรการเพราะเกรงกระทบเศรษฐกิจ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีเหนือเคดีซีเอ (KDCA) รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 1,092 คน สูงที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่เกิดการระบาด ในจำนวนนี้ 1,060 คนเป็นการติดเชื้อในประเทศ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่ 52,550 คน ก่อนหน้านี้ยอดผู้ป่วยใหม่อยู่ที่ 926 คนเมื่อวันจันทร์ และ 869 คนเมื่อวันอังคาร ลดลงจากวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่มีผู้ป่วยใหม่ 1,062 คน 1,053 คน และ 1,097 คนตามลำดับ โดยเมื่อวันอาทิตย์ถือเป็นสถิติผู้ป่วยใหม่รายวันสูงที่สุด ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 739 คน เพราะมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 17 คนในชั่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะยกระดับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมขึ้นเป็นระดับ 3 จากทั้งหมด […]

ทรัมป์ตำหนิร่างบรรเทาผลกระทบโควิด

วอชิงตัน 23 ธ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตำหนิร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มูลค่าเกือบ 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 27 ล้านล้านบาท) ว่า น่าอดสู แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะไม่ลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์คลิปในทวิตเตอร์ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องน่าอดสูอย่างยิ่ง ขอให้รัฐสภาเร่งกำจัดสิ่งที่ไร้ประโยชน์และไม่จำเป็นออกจากร่างกฎหมายนี้ทันที แล้วส่งร่างที่เหมาะสมมาให้เขา ขอให้สภาแก้ไขร่างและเพิ่มเงินช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ต่ำอย่างน่าขำจาก 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,130 บาท) เป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60,430 บาท) หรือ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 120,860 บาท) สำหรับหนึ่งคู่สมรส เป็นการแสดงท่าทีชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ยอมรับร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หลังจากถกเถียงและกล่าวโทษกันอย่างดุเดือด แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขาจะไม่ลงนาม เอเอฟพีธิบายเพิ่มเติมว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามล่าช้าจะเกิดผลเสียหายติดตามมา ผู้ว่างงานหลายล้านคนจะได้รับเงินช่วยเหลือล่าช้า ขณะที่สวัสดิการการว่างงานใกล้จะหมดลงในเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดเล็กที่จะได้รับสินเชื่อจากรัฐบาลล่าช้า.-สำนักข่าวไทย

ทรัมป์โทรคุยนายกฯเวียดนามเรื่องขาดดุลการค้า

วอชิงตัน 23 ธ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแสดงความกังวลเรื่องสหรัฐขาดดุลการค้าให้เวียดนามระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเหงียน ซวนฟุกของเวียดนามวานนี้ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์หยิบยกความกังวลเรื่องขาดดุลการค้ากับเวียดนาม และขอให้นายกรัฐมนตรีเหงียนดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการค้าสองประเทศจะเป็นธรรมและต่างตอบแทน รอยเตอร์รายงานเสริมว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้บริษัทอเมริกันนำเข้าสินค้าจากเวียดนามประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.96 ล้านล้านบาท) เทียบกับปีที่แล้วทั้งปีที่นำเข้า 66,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.01 ล้านล้านบาท) สหรัฐเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมดในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ สินค้าส่งออกหลักได้แก่ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ไม้ สัปดาห์ที่แล้วสหรัฐระบุชื่อเวียดนามว่าเป็นประเทศบิดเบือนค่าเงิน เป็นความเคลื่อนไหวที่ผู้เชี่ยวชาญการค้าชี้ว่า เปิดทางให้ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเก็บภาษีกับสินค้าเวียดนามก่อนที่จะพ้นตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานเมื่อเดือนตุลาคมว่า ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าสินค้าให้แก่เวียดนามมากเป็นประวัติการณ์ถึง 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 229,596 ล้านบาท) เมื่อเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากเดือนกรกฎาคม และเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.9 จากเดือนเดียวกันปีก่อน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐยังไม่แบนเที่ยวบินจากอังกฤษ

วอชิงตัน 23 ธ.ค.- สหรัฐยังไม่ห้ามการเดินทางมาจากอังกฤษ ขณะที่มีประเทศต่าง ๆ ห้ามเพิ่มขึ้น ทั้งในและนอกและยุโรป พล.ร.อ.เบร็ตต์ จีร์วา ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องห้ามการเดินทางจากอังกฤษเข้าสหรัฐ ขณะที่นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเผยว่า สายการบินบริติชแอร์เวย์ของอังกฤษตกลงว่า จะอนุญาตให้เฉพาะผู้โดยสารที่มีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบขึ้นเที่ยวบินไปลงจอดท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดีในนิวยอร์ก นายคัวโมระบุว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลกลางจะต้องดำเนินการโดยทันที เพราะเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ได้เร็วขึ้นมากับเครื่องบินแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสหรัฐที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้วเกือบ 318,000 คน ทั้งนี้หลังจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษเผยเมื่อวันเสาร์ว่า พบไวรัสกลายพันธุ์ ประเทศในยุโรปประกาศห้ามคนจากอังกฤษเดินทางเข้า ฝรั่งเศสปิดด่านไม่ให้ทั้งคนและรถบรรทุกเข้า ทำให้รถบรรทุกจำนวนมากจอดค้างยาวเหยียดบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่เมืองท่าโดเวอร์ เส้นทางการค้าสายหลักที่เชื่อมอังกฤษกับยุโรป ล่าสุดกระทรวงคมนาคมฝรั่งเศสแถลงว่า จะอนุญาตให้รถบรรทุกฝรั่งเศสและประเทศอื่นขับจากอังกฤษเข้าฝรั่งเศสได้ หากคนขับมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้า ทางการอังกฤษจะเป็นฝ่ายดำเนินการตรวจเพื่อให้ได้ผลรวดเร็ว คนขับที่มีผลตรวจเป็นบวกต้องกักตัวที่ฝั่งอังกฤษ 10 วัน ขณะเดียวกันประเทศนอกยุโรปก็ห้ามคนเดินทางมาจากอังกฤษเพิ่มขึ้น รวมถึงอินเดีย ปากีสถาน รัสเซีย และจอร์แดน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ไวรัสกลายพันธุ์อาจแพร่ในประเทศอื่น ๆ แล้ว แต่มีการตรวจก้าวหน้าน้อยกว่าอังกฤษจึงยังตรวจไม่พบ.-สำนักข่าวไทย

เมียนมายืมต่างชาติ3หมื่น ลบ.ซื้อวัคซีนโควิด

ย่างกุ้ง 22 ธ.ค.- เมียนมากำลังขอยืมเงินเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 30,170 ล้านบาท) จากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น และกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เว็บไซต์เมียนมาไทมส์อ้างปลัดกระทรวงการวางแผน การคลังและอุตสาหกรรมว่า เมียนมากำลังพยายามหาวัคซีนให้แก่ประชาชนเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ และในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาเมียนมาจะจัดซื้อวัคซีนด้วยงบประมาณรัฐบาล กระทรวงการวางแผน การคลังและอุตสาหกรรมก็จะหาทางระดมทุนเพื่อจัดซื้อเช่นกัน ทั้งสองกระทรวงอาจขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินจากงบประมาณปี 2563/2564 เพราะปีที่แล้วถูกขอให้แบ่งงบประมาณร้อยละ 10 มาใช้ในแผนรับมือฉุกเฉินกับโรคโควิด-19 ปลัดกระทรวงการวางแผน การคลังและอุตสาหกรรมเมียนมาระบุด้วยว่า การดูแลและจัดส่งวัคซีนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องเก็บในที่เก็บอุณหภูมิต่ำ จึงต้องจัดการอย่างรอบคอบ เมียนมาไทมส์รายงานว่า ธนาคารโลกจะสนับสนุนให้เมียนมาได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่งของประชากร และกำลังเจรจาเรื่องราคาวัคซีนที่เหมาะสม อาจจะตกโดสละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60.35 บาท) แต่ละคนต้องฉีดคนละ 2 โดส กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาเมียนมาได้ยื่นขอซื้อวัคซีนจากโครงการโคแวกซ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกและพันธมิตรโลกเรื่องวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว และกำลังเจรจาเรื่องซื้อวัคซีนจากจีน อินเดีย รัสเซียด้วยเพื่อให้ได้จำนวนมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนได้ในเดือนเมษายน แต่ในเบื้องต้นจะเพียงพอสำหรับประชากร 1 ใน 5 จากประชากรทั้งประเทศ 54.4 ล้านคนเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

อินเดียเจอผู้ป่วยโควิดบนเที่ยวบินจากอังกฤษ

นิวเดลี 22 ธ.ค.- ทางการอินเดียแจ้งว่า พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 5 คนที่โดยสารเครื่องบินมาจากอังกฤษ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ได้เร็วหรือไม่ กระทรวงการบินอินเดียเพิ่งประกาศเมื่อวันจันทร์ระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่มาจากอังกฤษตั้งแต่วันพุธจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม และบังคับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางเข้ามาก่อนคำสั่งนี้ต้องตรวจหาเชื้อไวรัส ต่อมาเจ้าหน้าที่ประสานงานการตรวจหาเชื้อที่ท่าอากาศยานนิวเดลีแจ้งว่า ผลการตรวจผู้โดยสารและลูกเรือ 266 คน บนเที่ยวบินจากอังกฤษที่มาถึงกรุงนิวเดลีค่ำวานนี้ พบผู้มีผลบวก 5 คน ส่วนจะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษหรือไม่ต้องรอศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติของอินเดียยืนยันอีกครั้ง ขณะเดียวกันมีเที่ยวบินจากอังกฤษมาถึงอินเดียก่อนทางการออกคำสั่งระงับเที่ยวบินอีก 2 เที่ยว คือที่นครมุมไบและที่เมืองอัมริตสา คาดว่าจะทราบผลตรวจหาเชื้อได้ในวันนี้ การพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ได้เร็วจุดกระแสวิตกว่า วัคซีนที่เพิ่งได้รับการอนุมัติไม่กี่ขนานและอยู่ระหว่างการทดลองอีกหลายขนานจะสามารถป้องกันเชื้อนี้ได้หรือไม่ หลังจากสายพันธุ์ปัจจุบันคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้ว 1.7 ล้านคน เฉพาะในอินเดียกว่า 146,000 คน และในอังกฤษกว่า 59,000 คน.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์เปิดสนามบินให้ค้างคืนแทนเที่ยวต่างประเทศ

สิงคโปร์ 22 ธ.ค.- สิงคโปร์เปิดพื้นที่บางส่วนของท่าอากาศยานชางงีให้คนพักแรมช่วงปลายปี แทนการไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไม่สามารถทำได้เพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด การพักแบบใหม่เรียกว่า glamping มาจากคำว่า glamourous camping หรือพักแรมแบบตื่นเต้นผจญภัย ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การนอนในเต็นท์หรูบนที่นอนควีนไซส์ ประดับไฟคริสต์มาสสวยงามในพื้นที่ส่วนร้านค้าและพักผ่อนของท่าอากาศยานชางงี พร้อมคูปองส่วนลดสินค้าและกล่องสำหรับปิกนิก คิดราคาทั้งหมด 360 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 8,130 บาท) ต่อการพัก 1 คืน ไม่รวมของใช้ส่วนตัวในห้องอาบน้ำ เปิดให้พักจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม และขณะนี้ถูกจองหมดแล้ว สตรีคนหนึ่งเล่าว่า ปกติจะยกครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศทุกเทศกาลวันหยุด แต่ปีนี้ไปไหนไม่ได้ อีกทั้งเป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงพาลูก ๆ มาทำกิจกรรมที่แปลกไปจากเดิม ด้านสามีเสริมว่า รู้สึกดีที่ได้ออกนอกบ้าน เพราะที่ผ่านเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากสำหรับทุกคน จึงอยากมีประสบการณ์ใหม่ ๆ บ้าง บรรยากาศในสนามบินชางงีที่มีทั้งสวนติดเครื่องปรับอากาศ น้ำตกในอาคาร และเส้นทางเดินป่าเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่กลางแจ้ง แต่ไม่ต้องเผชิญกับแมลง ความชื้นและฝนตกเฉอะแฉะ.-สำนักข่าวไทย

สภาสหรัฐผ่านมาตรการบรรเทาโควิดเกือบ 27 ล้านล้านบาท

วอชิงตัน 22 ธ.ค.- รัฐสภาสหรัฐผ่านความเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มูลค่า 892,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26.9 ล้านล้านบาท) แล้ว รอเพียงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐเห็นชอบร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบโควิด หลังจากเจรจาอย่างดุเดือดมาหลายวัน เป็นการผ่านร่างกฎหมายแรกนับจากเดือนเมษายน และถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองรองจากร่างกฎหมายความช่วยเหลือมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60.37 ล้านล้านบาท) ที่ทั้งสองสภาผ่านความเห็นชอบในเดือนมีนาคม แต่ยังน้อยกว่าร่างกฎหมายความช่วยเหลือมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90.56 ล้านล้านบาท) ที่สภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากผ่านความเห็นชอบในเดือนพฤษภาคม แต่ถูกคว่ำในวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก กฎหมายฉบับนี้จัดสรรงบสุทธิสำหรับบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ไว้ราว 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.56 ล้านล้านบาท) ส่วนอีกกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 15 ล้านล้านบาท) มาจากงบที่รัฐสภาอนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้ มาตรการช่วยเหลือครอบคลุมเรื่องการให้เงินชาวอเมริกันส่วนใหญ่คนละ 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,115 บาท) ขยายโครงการสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กอีก 284,000 […]

1 654 655 656 657 658 697