ชัวร์ก่อนแชร์ : กินแคร์รอตทำให้สายตากลับมาดีขึ้นได้ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพดวงตาว่า การกินแคร์รอตจะช่วยทำให้สายตากลับมาดีขึ้นได้ จริงหรือ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย การกินแคร์รอตไม่ได้ช่วยทำให้ค่าสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ดีขึ้น แต่ว่าแคร์รอตมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับดวงตาจริง นั่นคือ บีตาแคโรทีน (Beta Carotene) เป็นสารพฤกษเคมีชนิดหนึ่งที่คุ้นเคยกันมานาน บีตาแคโรทีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อม ทำให้การทำงานจอประสาทตาดีขึ้น การมองภาพและการเห็นแสงทำงานได้ปกติ และในคนที่ได้รับวิตามินเอเพียงพออาจจะรอดจากโรคจอประสาทตาเสื่อม ในคนที่ขาดวิตามินเออาจเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ พบได้ในคนที่อายุ 60 70 และมากกว่า 80 ปี นอกจากนั้น น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจำเป็นต้องมีวิตามินเอช่วยสร้างอย่างเหมาะสม จะทำให้กระจกตาไม่เกิดการอักเสบได้ ส่วนเรื่องภาวะสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ที่หลายคนใส่แว่นกันอยู่นั้น เกิดจากโครงสร้างหรือกายวิภาคของลูกตา ซึ่งวิตามินเออาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง วิตามินเอจะทำให้การทำงานของจอประสาทตา และการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาดีเป็นปกติ คงไม่ได้มีผลช่วยให้คนที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง มีค่าสายตาดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงไป คนเราได้รับวิตามินเอรูปแบบหนึ่งจากเนื้อสัตว์ ตับ หรือนม ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ อีกรูปแบบหนึ่งที่มีวิตามินเอ นั่นคือ ผัก และผลไม้ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : โรคข้าวผัด

โรคข้าวผัด หรือ Fried Rice Syndrome คืออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับข้าวผัด จะมีอาหารอื่นเป็นสาเหตุอีกหรือไม่ และจะเป็นอันตรายอย่างไร ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยมีกรณีทิ้งข้าวผัดไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน  เผอิญข้าวผัดมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus (บาซิลลัส ซีเรียส) เมื่อนำมาอุ่นก็ยังไม่สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียให้หมดไปได้ กินแล้วอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ท้องเสีย การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus อาจเกิดจากสุขาภิบาลอาหารไม่ดีพอ เช่น ล้างมือไม่สะอาดก่อนปรุงอาหาร และ/หรือ ก่อนกินอาหาร การปนเปื้อนวัตถุดิบปรุงอาหาร และรวมถึงเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus ที่ลอยอยู่ในอากาศตกลงในจานข้าวผัด การทิ้งอาหารไว้ ณ อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน เกี่ยวข้องอย่างไร ? อาหารปรุงเสร็จแล้ววางไว้ ณ อุณหภูมิห้องนานมากกว่า 2 ชั่วโมง และอาหารมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus มีโอกาสที่เชื้อแบคทีเรียสร้างสปอร์เจริญเติบโต และเมื่อนำมากินก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นและได้รับอันตราย การปรุงอาหารที่มีสุขาภิบาลดี […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ประโยชน์ของขนมปังแช่แข็ง จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์วิธีการกินง่าย ๆ หุ่นไม่พัง น้ำตาลไม่พุ่ง น้ำตาลน้อยกว่าแป้งทั่วไป และไม่เสียสตางค์ เพียงเพราะกินขนมปังที่ผ่านการแช่แข็ง จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ดร.พิณทิพย์ รัมภกาภรณ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและนวัตกรรมความรู้ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การกินขนมปังแบบแช่แข็งและนำมาปิ้ง น้ำตาลขึ้นเท่ากับกินขนมปังไม่ได้แช่แข็ง คำว่า “หุ่นไม่พัง” ขึ้นกับว่ากินปริมาณมากน้อยแค่ไหน การกินขนมปังปริมาณมากก็จะได้พลังงานจากน้ำตาล ถ้าใช้ไม่หมด ออกกำลังกายไม่มากพอ ก็มีผลให้อ้วนได้ เพราะขนมปังเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต กลไกของ “ขนมปัง” เมื่อผ่านการ “แช่แข็ง” เป็นอย่างไร ? องค์ประกอบหลักของขนมปังก็คือ แป้งสาลี (Wheat Flour) ในแป้งสาลีมีคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ที่เรียกว่า สตาร์ช (starch) โดยปกติแล้ว เมื่อคนเรากินขนมปังสด ๆ สตาร์ชจะถูกย่อยด้วยเอนไซม์ในร่างกายของเรา ทำให้มีการปลดปล่อยกลูโคส (Glucose) เข้ามาในกระแสเลือด ถ้านำขนมปังไปแช่แข็ง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในสตาร์ช มีการจับตัวกันใหม่ มีผลทำให้เมื่อกินเข้าไปแล้ว ร่างกายจะย่อยสตาร์ชในแป้งได้ช้าลง ขนมปังแช่แข็ง เปลี่ยนโครงสร้างเป็น […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : วิธีกำจัดหมัดแมวแบบธรรมชาติ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์วิธีต่าง ๆ ในการกำจัดหมัดแมวแบบธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อแมวและเจ้าของ แต่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.น.สพ.ดร.สนธยา เตียวศิริทรัพย์ หน่วยปรสิตวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิธีกำจัดหมัดแมวที่แชร์กันมีหลายส่วนที่ใช้ได้จริง บางส่วนก็อาจจะใช้ไม่ได้ วิธีที่ 1. ใช้หวีซี่ถี่จุ่มน้ำมะนาวหวีที่ตัวแมว ? “หวีเสนียด” ค่อนข้างมีความถี่ เวลาหวีไปบนตัวแมว ถ้ามีหมัดอยู่ หมัดจะหล่นลงมา หมัดไม่ใช่แมลงที่อยู่นิ่ง ๆ เมื่อหล่นลงมาแล้วก็จะกระโดดไปกระโดดมา การใช้หวีเสนียดจุ่มน้ำมะนาว กลิ่นมะนาวไล่ตัวหมัดได้ แต่การใช้น้ำมะนาวบนตัวแมวโดยไม่รู้ว่าความเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน อาจจะส่งผลให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังของแมวได้ วิธีที่ 2. ผสมน้ำส้มสายชูลงในแชมพูอาบน้ำแมว ? วิธีนี้หนักกว่าหวีเสนียดจุ่มน้ำมะนาวอีก น้ำส้มสายชูค่อนข้างจะเข้มข้นสูงและมีกลิ่นแรง แมวไม่ชอบแน่ ๆ แม้ว่าจะนำไปผสมกับแชมพู ก็สามารถทำให้ผิวหนังแมวอักเสบได้เหมือนกัน วิธีที่ 3. ใช้ดินเบาทาบนตัวแมว ? “ดินเบา” ใช้ภายนอกตัวได้ แต่ปัญหาคือเมื่อไหร่ที่แมวหรือว่าเจ้าของแมวสูดดมเข้าไป จะทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ จึงไม่แนะนำให้ใช้บนตัวสัตว์ วิธีที่ 4. ใช้ไฟล่อแมลง ? […]

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : OVERSHARING — การแชร์เรื่องส่วนตัวเยอะเกินไป !

พฤติกรรมการโพสต์ หรือแชร์เรื่องส่วนตัวมากเกินไปบนโลกออนไลน์ ส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการถูก Online Grooming ได้ง่าย 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พฤติกรรมที่มีการแชร์หรือบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้ผู้อื่นรับรู้ผ่านการพูดคุย หรือการโพสต์บนโลกออนไลน์มากเกินไป (Over Sharing) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การแชร์ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ 2. บอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ ความคิด ความรู้สึก 3. ข้อมูลทั่ว ๆ ไปที่อ่าน แต่อยากให้คนอื่นอ่านด้วย มีการส่ง link ตามกลุ่มต่าง ๆ พฤติกรรม Over Sharing มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแชร์ข้อมูลความเป็นส่วนตัวมากเกินไป สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA : Digital Government Development Agency (Publlic Organization) มีคำแนะนำ 6 ข้อมูลส่วนตัว ที่ไม่ควรโพสต์บนโลกออนไลน์ ได้แก่ 1. […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : กาแฟใส่กะทิแทนนมและครีมเทียม ได้กรดลอริกเหมือนน้ำนมแม่ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์แนะนำว่า กาแฟใส่กะทิแทนนมและครีมเทียม เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์กว่า เพราะในกะทิมีกรดลอริกเหมือนในน้ำนมแม่ จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล การใส่กะทิลงในกาแฟ ปริมาณกรดลอริก (Lauric Acid) ที่ได้อาจจะไม่มากเพียงพอ และไม่ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี กะทิมี “กรดลอริก” เป็นกรดไขมันเหมือนที่มีในน้ำนมแม่ จริงหรือ ? ในนมแม่มีปริมาณกรดลอริกสูงจริง เป็นสารอาหารเหมาะสมกับเด็กทารกช่วงวัยที่ยังไม่มีภูมิต้านทานของโรคดีพอ อย่างไรก็ตาม กะทิอาจจะมีกรดลอริกสูงกว่าเมื่อเทียบกับในนม แต่ปริมาณนั้นก็ไม่ได้มากเพียงพอที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพเหมือนกับช่วงวัยทารก เมื่อเปรียบเทียบกาแฟใส่นม หรือกาแฟใส่กะทิ ในสัดส่วนที่เท่ากัน พบว่า กะทิมีปริมาณไขมันมากกว่า แต่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมีน้อยกว่า โดยภาพรวมแล้ว “พลังงาน” ที่ได้จากกะทิและนมอาจจะไม่แตกต่างกันมากนัก ไขมันที่ได้จากกะทิและนม เป็นไขมันกลุ่มเดียวกัน คือ ไขมันอิ่มตัว แต่กะทิมีไขมันมากกว่านม จึงทำให้ร่างกายได้รับไขมันอิ่มตัวจากกะทิสูงกว่าไขมันอิ่มตัวที่มาจากนม ถึงแม้ว่าไขมันจากกะทิและนมเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน แต่ไขมันที่อยู่ในกะทิมีตัวคาร์บอนที่สั้นกว่า ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ง่ายกว่า มากกว่า เร็วกว่า เมื่อเทียบกับไขมันในนม ร่างกายจึงนำไขมันจากกะทิมาใช้เป็นพลังงานได้เร็วกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับไขมันที่อยู่ในนม การเปรียบเทียบกะทิ กับ ครีมเทียม “ครีมเทียม” […]

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : ORBITING — ขอเป็นดาวบริวารออนไลน์ใกล้ ๆ ก็พอ

ความสัมพันธ์ที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์บริวารออนไลน์ ที่คอยโคจรติดตามอยู่ห่าง ๆ เป็นพฤติกรรมที่เกิดมากขึ้นในยุคสื่อสังคมออนไลน์ และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ORBITING พฤติกรรมที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์ที่โคจรรอบโลก เสมือนการติดตามอีกฝ่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยที่ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กัน ในความหมายที่พูดถึง ORBITING เกี่ยวข้องกับวงโคจรของดาวที่วนรอบตัวเรา ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก คำ ORBITING นี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนบนสื่อสังคมออนไลน์ คือตัวเราเป็นดวงจันทร์ มีโลกเป็นเป้าหมาย เช่น อาจจะเป็นบัญชีของใครก็ได้บนสื่อสังคมออนไลน์ อาจเป็นดารา นักร้อง ศิลปิน ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนของเรา แต่เป็นเพื่อนที่ไม่อยากไปรู้จักเขาในชีวิตจริง เราอยากรู้จักเขาในชีวิตออนไลน์มากกว่า ดังนั้น จึงทำตัวเป็นดวงดาว “โคจร” รอบตัวเขา ด้วยการดู ส่อง ติดตามทุกอย่าง เช่น โพสต์อะไรเราส่อง คอมเมนต์อะไรก็ไปตามอ่าน เขาถ่ายภาพลง story ถ่ายคลิป TikTok เราก็ไปส่องดูด้วย ORBITING อาจจะแสดงตัวหรือไม่แสดงตัวก็ได้ แต่มักจะเป็นวงโคจรรอบเป้าหมายอย่างเงียบ ๆ รู้ได้อย่างไร ว่าตัวเรากำลังมีพฤติกรรม ORBITING ? พฤติกรรมของคนที่เป็น […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : 4 วิธี ทำให้เลือดสมดุลมากขึ้น จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์แนะนำ 4 วิธี ทำให้เลือดสมดุลมากขึ้น ค่า pH อยู่ในเกณฑ์ปกติ เลือดไหลเวียนดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีตั้งแต่ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสารเสพติด หรืออาหารหวาน-มัน และดื่มน้ำให้มาก จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้ง 4 อย่างที่แนะนำเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายสมดุล ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และไม่เกี่ยวกับการทำให้เลือดไม่เป็นกรดโดยตรง ในทางกลับกัน ถ้าเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคขึ้นมาและดูแลร่างกายไม่ดี ก็มีโอกาสที่เลือดจะเป็นกรดได้ ข้อ 1. ลดความเครียด เพราะ “ความเครียดทำให้เลือดเป็นกรด” จริงหรือ ? เรื่องของความเป็นกรดเป็นด่าง ร่างกายคนเรามีระบบควบคุมสมดุล “กรด-ด่าง” อยู่แล้ว รวมถึงระบบอื่น ๆ ของร่างกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหายใจ การขับถ่าย ประสาทและสมอง เป็นต้น ดังนั้น ความเครียดจะไม่ทำให้เลือดเป็นกรด เพราะร่างกายมีระบบจัดการทำให้เลือดอยู่ในสภาวะปกติ แต่ความเครียดโดยรวมต่างหากที่มีผลต่อระบบอื่น ๆ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ภาวะรูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน

รูม่านตาไม่เท่ากัน ภาวะที่มองเห็นตรงกลางตาดำที่มีขนาดไม่เท่ากันของตา 2 ข้าง เกิดได้จากสาเหตุใด อันตรายหรือไม่ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย “รูม่านตา” ของมนุษย์มีหน้าที่ปรับปริมาณของแสงที่เข้าสู่จอประสาทตา เปรียบเสมือนรูรับแสงกล้องถ่ายภาพ ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงเข้าสู่กล้องถ่ายภาพ “ม่านตา” ควบคุมรูม่านตา โดยทั่วไปมีขนาด 3-4 มิลลิเมตร และทั้ง 2 ข้างมีขนาดใกล้เคียงกัน รูม่านตามีขนาดไม่เท่ากัน เกิดจากสาเหตุอะไร ? นิยามทางการแพทย์เรียก “รูม่านตาไม่เท่ากัน” ต่างกันตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรขึ้นไป เรียกว่า Anisocoria (ภาวะรูม่านตาต่างขนาด) รูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ 1. ภาวะปกติของคนที่มีรูม่านตาไม่เท่ากัน หรือคนที่มีมือข้างซ้ายและข้างขวาไม่เท่ากัน 2. เผลอหยอดยาที่มีผลขยายรูม่านตา หรือการนำยาหยอดตาของคนอื่นมาใช้และมีผลกับรูม่านตา ปกติแล้ว “การหยอดยา” ใช้กรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น เด็กต้องวัดสายตาและหยอดยาชะลอสายตาสั้น รวมถึงการอักเสบบริเวณลูกตาของผู้สูงอายุ ลูกตาได้รับอุบัติเหตุ และการหยอดยาประมาณ 30 […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เมื่อใดต้องทำ “บอลลูนหัวใจ”

บอลลูนหัวใจคืออะไร ป่วยระดับไหนถึงต้องทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ และมีวิธีการรักษาแบบอื่นอีกหรือไม่ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.สุพจน์ ศรีมหาโชตะ สาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตนายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ การรักษาหลอดเลือดหัวใจมี 3 วิธี กินยาอย่างเดียว ทำบอลลูนหลอดเลือดหัวใจ (ปัจจุบันใส่ขดลวดด้วย) และทำบายพาสผ่าตัดต่อหลอดเลือดที่ตีบ การทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ เป็นวิธีการรักษาแบบหนึ่ง แต่ต้องประเมินว่า… 1. หลอดเลือดตีบจริง ๆ และมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 2. ใส่ขดลวดเล็ก ๆ ผ่านบริเวณรอยตีบของหลอดเลือด และนำบอลลูนขยายหลอดเลือดให้กว้างขึ้น 3. หลอดเลือดขยาย ก้อนไขมันจะถูกเบียดชิดผนังหลอดเลือด หลังจากนั้นใส่ขดลวด เมื่อใส่ขดลวดแล้วหลอดเลือดขยายมีขนาดใหญ่ เลือดก็จะไหลได้ดีขึ้น ผู้ป่วยกลุ่มไหนบ้าง ต้องทำบอลลูน ? หลังตรวจร่างกายแล้ว แพทย์พิจารณาว่าควรทำบอลลูนกับกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้ 1. กลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน บางคนกล้ามเนื้อหัวใจตาย กลุ่มนี้จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำบอลลูน ซึ่งหลาย ๆ ครั้งพบว่าทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตจากการทำบอลลูนได้ 2. กลุ่มที่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบอาการคงที่  กลุ่มที่ไม่ได้มีอาการเฉียบพลัน แต่อาจจะต้องทำบอลลูนหลอดเลือดหัวใจ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ต้อหินในคนอายุน้อย

“ต้อหิน” ปัญหาดวงตาที่มักเกิดขึ้นในผู้สูงวัย เกิดกับคนอายุน้อยได้หรือไม่ และสาเหตุที่เกิดต้อหินในคนอายุน้อยคืออะไร ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย นิยามของโรค “ต้อหิน” (Glaucoma) ก็คือโรคที่ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น ทำให้ตาแข็งเหมือนหิน เกิดการเสียของขั้วประสาทตาและการมองเห็น จากการสังเกตของคนสมัยก่อน เมื่อคลำบริเวณดวงตารู้สึกมีความแข็งผิดปกติเหมือนมีหินอยู่ในดวงตา จึงเรียกว่าโรคต้อหิน สาเหตุและกลไกการเกิดโรคต้อหิน คืออะไร ? เมื่อมีภาวะโรคต้อหิน ความดันในลูกตาจะสูงขึ้น ส่วนใหญ่เกิน 25 หรือ 30 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ปกติแล้ว ความดันในลูกตาจะมีค่าประมาณไม่เกิน 21 มิลลิเมตรปรอท สิ่งที่ควบคุมความดันในลูกตาขึ้นกับ 2 ปัจจัย ได้แก่ 1. การสร้างน้ำหล่อเลี้ยงภายในลูกตา 2. ทางออกของน้ำจากลูกตา เพื่อเข้าสู่ระบบหลอดเลือดและหัวใจ แล้ววนกลับมาสร้างเป็นน้ำควบคุมความดันในลูกตา ความดันในลูกตาสูงขึ้น จะกดขั้วประสาทตา ทำให้เกิดการเสื่อมของขั้วประสาทตา นำไปสู่ภาวะสูญเสียลานสายตาทีละส่วน จนกระทั่งภาวะตาบอดสนิท โรคต้อหินมักเกิดกับผู้สูงวัย จริงหรือ ? คนสูงวัยเป็นโรคต้อหินมากกว่าวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะระบบท่อระบายน้ำในลูกตาออกมีความเสื่อมหรือตีบตามอายุที่มากขึ้น ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเกิดความดันในลูกตาสูง […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : เป็นโรคไตห้ามกินผักเขียวเข้ม จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์เตือนผู้ป่วยโรคไต ห้ามกินผักที่มีสีเขียวเข้มเด็ดขาด แต่ควรเลือกกินผักสีเขียวอ่อน จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.พญ.ปิยวรรณ กิตติสกุลงาม สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องนี้ “จริงบางส่วน” การที่ผู้ป่วยโรคไตต้องการกินผักและผลไม้ ขึ้นอยู่กับระดับโพแทสเซียมในเลือด ว่ามากน้อยอย่างไร ตามที่แชร์กันว่าผักสีเขียวเข้มมีโพแทสเซียมสูงกว่าผักสีอ่อนหรือสีขาว เรื่องนี้จริงบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด ผักใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง มีโพแทสเซียมสูงกว่าผักกาดขาว ผู้ป่วยโรคไต “ห้าม” กินผักสีเขียวเข้ม ใช่หรือไม่ ? เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโพแทสเซียมในเลือด สมมุติว่าผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายได้ ก็จะมีโพแทสเซียมในเลือดสูง ถ้าผู้ป่วยกินผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เท่ากับว่าเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือด ผู้ป่วยโรคไตกินผักสีเขียวเข้ม อันตรายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนที่กินด้วยว่ากินมากหรือน้อยแค่ไหน และถ้ากินจำนวนมากก็จะทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ มีใครบ้าง ห้ามกินผักที่มีโพแทสเซียมสูง ? คนที่ไม่ควรกินผักที่มีโพแทสเซียมสูง ก็คือคนที่ได้ทำการตรวจระดับโพแทสเซียม และมีระดับโพแทสเซียมมากกว่า 5.5 mEq/L ถึงจะห้ามกิน กรณีผู้ป่วยโรคไตแต่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดปกติ ก็สามารถกินผักและผลไม้สีเขียวเข้มได้เช่นกัน ใครก็ตามที่ต้องการกินผักและต้องการลดโพแทสเซียมในผัก สามารถผัดหรือต้มผักได้ เพราะโพแทสเซียมในผักจะละลายในน้ำ นั่นก็คือ […]

1 5 6 7 8 9 27