นายกรัฐมนตรีชี้แจงที่ประชุมสภาฯ วันแรก (27 พ.ค.63)

สำนักข่าวไทย 27 พ.ค. 63 – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจง เรื่อง ชง พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต่อสภาผู้แทนราษฎรจะเพื่อพิจารณาในการประชุมวันนี้ (27 พ.ค. 63)


พ.ร.ก. เงินกู้ 3 ฉบับ (นายกรัฐมนตรีฯ แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 27 พ.ค.63)


    ตามที่ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 เห็นชอบให้มีการตรา พ.ร.ก. ให้กระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่ง พ.ร.ก. นี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 63


เหตุผลและความจำเป็น


– ปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงทั่วโลกรวมประเทศไทย และองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งโรคโควิด-19 ดังกล่าวนั้นเป็นโรคอุบัติใหม่ ทางการแพทย์ยังไม่มียารักษาและวัคซีนป้องกัน ส่งผลให้ผุ้ติดเชื้อทั่วโลกและภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่สามารถจะคาดการณ์ระยะเวลาที่แพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงได้ สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชนทุกสาขาอาชีพในวงกว้าง

– มาตรการควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดของรัฐบาลและประเทศอื่น ๆ อาทิ มาตรการปิดพื้นที่ เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายคน มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมของเศรษฐกิจทุกภาคส่วนทั่วโลกเกิดภาวะชะงักงันอย่างฉับพลันทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกและของประเทศไทยหดตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ปี 2563 โดยในไตรมาสแรกเศรษฐไทย ปรับตัวลดลง ติดลบ ร้อยละ 1.8 ถือเป็นการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจไทย ครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2557 ทั้งนี้ภาคบริการโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2563 จากมาตรการควบคุมการเดินทางของประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลงร้อยละ 38.01 จากไตรมาส 1 ปี 2562 ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยว 332,013 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 40.39

– จากนั้นในการแพร่ระบาดภายในประเทศที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อในเดือนมกราคม 2563 และมีการระบาดหนักขึ้น ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2563 ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายคนและมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยการปิดสถานประกอบการณ์ สถานบริการต่าง ๆ รวมถึงสนามบิน เพื่อต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างเป็นขั้นตอน จากการดำเนินการดังกล่าว ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของประชาชนในทุกสาขาอาชีพ จากการคาดการณ์ผลกระทบต่อรายได้ของประเทศไทยในปี 2563 ลดลงถึง 9.28 แสนล้านบาท และคนว่างงานอาจจะสูงนับล้านคน โดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทย หรือ GDP ปี 2563 ติดลบ ร้อยละ 5.0-6.0 โดยภาคที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ได้แก่

1. ภาคการค้าระหว่างประเทศ ที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมและประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย อาทิ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้

2. ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจยืดเยื้อ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 จะปรับตัวลดลงรุนแรงมากขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก จากการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดของโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม

แม้ว่าการแก้ไขวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รัฐบาลได้พยายามทุกวิถีทางในการบริหารจัดการแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ ทั้ง งบปี 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และการจัดทำ พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายปี 2563 แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และไม่ทันกับสถานการณ์ที่จะยุติการระบาดของโรค ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วนได้

    ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อของประเทศให้กลับมาสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว รัฐบาลจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขสถานการณ์และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความพร้อมด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อรองรับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น การเยียวยาประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ จากมาตรการยับยั้งและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนการฟื้นฟุ้สภาพเศรษฐกิจและสังคมภายหลังการแพร่ระบาดสิ้นสุด จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ และเป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาลในการตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท

1. เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมประมาณหนึ่งล้านล้านบาท ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้มาโดยวิธีการปกติจึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

2. เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ และป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ

กรอบวินัยเงินกู้

การรักษาวินัยทางการเงิน การคลัง ความคุ้มค่า และความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยทางการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นกรอบวินัยในการกู้เงินไว้ในกฎหมายฉบับนี้ สรุปได้ดังนี้ 

1. อำนาจการกู้เงินของกระทรวงการคลัง

– วงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท

– ระยะเวลา ต้องลงนามในสัญญาเงินกู้หฟรือออกตราสารหนี้ ไม่เกินวันที่ 30 ก.ย. 64

2. การใช้จ่ายเงินกู้ จะต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ภายใต้แผนงานโครงการตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด ซึ่งประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก ได้แก่

– แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท

– แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 วงเงิน 555,000 ล้านบาท

– แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 วงเงิน 400,000 ล้านบาท

*ในกรณีจำเป็นคณะรัฐมนตรีสามารถอนุมัติปรับกรอบวงเงินภายใต้แผนงาน/โครงการได้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินสอดคล้องกับสถานการณ์

3. การพิจารณากลั่นกรองและอนุมัติโครงการ แต่งตั้ง “คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้” เพื่อทำหน้าที่ ดังนี้

– พิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการก่อนเสนอ ครม.อนุมัติ

– กำกับดูแลการดำเนินโครงการ

– รายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรี

4. การดำเนินแผนงาน/โครงการ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้

ปัจจุบันคณะรัฐมนตรีได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อกำหนดกระบวนการพิจารณากลั่นกรอง และอนุมัติโครงการ ตลอดจนขั้นตอนการบริหารจัดการโครงการเรียบร้อยแล้ว

5. เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

พ.ร.ก. ได้กำหนดให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก. เสนอต่อรัฐบาลเพื่อทราบภายใน 60 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งรายงานดังกล่าวจะระบุรายละเอียดการกู้เงิน, วัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกู้, ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับ

มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19

ระยะที่ 1 และ 2 เป็นการช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของปะชาชน ดังนี้

– พักชำระหนี้ประชาชน

– มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ

– ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้าง

– การลดค่าน้ำค่าไฟ

– การขยายเวลาชำระค่าน้ำค่าไฟ

– การคืนเงินประกันค่าใช้ไฟฟ้า 

– การชะลอการจ่ายภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

– การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ

– มาตรการชดเชยรายได้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

ระยะที่ 3 เป็นมาตรการดูแลเยียวยาผละกระทบ

– มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank)

– ตราพระราชกำหนด 3 ฉบับ 

มาตรการดูแลและเยียวยา ระยะที่ 3 (ครอบคลุม 4 มิติ)

1. มิติด้านสาธารณสุข

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นลำดับแรก พ.ร.ก. กู้เงิน เพื่อด้านสาธารณสุข เป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน 45,000 ล้านบาท

2. มิติด้านสภาพคล่อง 

เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มภาพคล่องให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ประกอบการ เป็น พ.ร.ก.กู้เงิน (เพื่อเยียวยา) วงเงิน 555,000 ล้านบาท และ พ.ร.ก. Soft Loan สำหรับ SMEs

3. มิติด้านการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

เนื่องจากเสถียรภาพของระบบการเงินเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินในช่วงวิกฤติ โดย พ.ร.ก.BSF สำหรับรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมันในตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้สามารถยังคงทำหน้าที่เป็น “แหล่งระดมทุน” ที่สำคัญของประเทศรองลงมาจากธนาคารพาณิชย์

4. มิติด้านการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจและสังคมภายหลังการแพร่ระบาด

เมื่อวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายลง รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพราะหากล่าช้า ความเสียหายและผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้น

พ.ร.ก.กู้เงิน (เพื่อฟื้นฟู) ได้กำหนดวงเงินไว้ 400,000 ล้านบาท เน้นเศรษฐกิจและสังคม (New Normal)

1) เน้นสาขาเศรษฐกิจที่มีความได้เปรียบและมีโอกาสสร้างการเติบโต เช่น

– เกษตรอัจฉริยะ

– เกษตรมูลค่าสูง

– เกษตรแปรรูป

– อุตสาหกรรมอาหาร Bio-Economy

– การท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน

– อุตสาหากรรมการให้บริการ

– เศรษฐกิจสร้างสรรค์

2) มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างงานและสร้างอาชีพของเศรษฐกิจฐานราก

– กระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน

– พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

– เตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อรองรับการใช้วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ภายหลังวิกฤติการระบาดของโควิด-19

ผลกระทบต่อสถานะหนี้สาธารณะและการวางแผนการกู้เงินของรัฐบาล

การกู้เงินของรัฐบาลในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ เมื่อรวมกับการกู้เงินกรณีอื่น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 เป็น ร้อยละ 57.96 ซึ่งกรอบบริหารหนี้สาธารณะไม่เกิน ร้อยละ 60

แหล่งที่มาของเงินกู้ (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ)

รัฐบาลจะพิจารณาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาเงื่อนไขและกระตุ้นการกู้เงินจากแหล่งกู้เงินต่างประเทศอีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำรอง หากสภาพคล่องในประเทศไม่เพียงพอด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับปริมาณเงินในระบบของตลาดการเงินภายในประเทศ (Crowding out Effect)

แนวทางการใช้จ่ายเงินกู้

1. กำหนดกระบวนการกลั่นกรองโครงการผ่านกลไกของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้

2. ต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์

3. อยุ่ภายใต้แผนงาน/โครงการที่กำหนดตามบัญชีท้าย พ.ร.ก. เท่านั้น

4. ต้องมีการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมและความคุ้มค่าของโครงการ, ความจำเป็นเร่งด่วน, ไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณ และหน่วยงานมีความพร้อมดำเนินการได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]