เชียงใหม่ 22 ม.ค. – ทุกวันนี้เทคโนโลยีทางการเกษตรก้าวหน้าไปมาก เป็นแนวทางให้เกษตรกรนำไปปรับใช้ต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลผลิตได้มากขึ้น อย่างการปลูกผักด้วยแสงเทียมหรือแสงไฟฟ้า ซึ่งมีการพัฒนาไปสู่การปลูกผักเพื่อการออกแบบตกแต่ง และมีคนรุ่นใหม่นำไปปลูกผักในกล่องส่งขายสร้างรายได้ไม่น้อย ลงทุน 600,000 คาด 1 ปีคืนทุน
ตู้โชว์ที่ประดับตกแต่งด้วยไม้ใบสีเขียวสด ดูสบายตา ภายในอาคารสาขาพืชผัก คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถ้าดูใกล้ๆ จะรู้ว่ามันเป็นผักสลัดที่สามารถเก็บมากินได้ ซึ่งเป็นผลงานของ ผศ.ดร.สิริวัฒน์ สาครวาสี ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชด้วยแสงเทียม ต่อยอดจากการปลูกผักแบบไฮโดรโปรนิกส์ ด้วยแสงไฟเทียม หรือแสงไฟฟ้าจากหลอดไฟ ด้วยแนวคิดใช้การปลูกผักในการตกแต่งอาคารที่อยู่ในเมืองและไม่มีพื้นที่สำหรับการปลูกพืชผักต่างๆ ตู้โชว์ถูกออกแบบให้เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบพิแศษราคากว่า 100,000 บาท ภายในตู้มีระบบน้ำที่ใช้เลี้ยงผักมีแผ่นบังแสงไฟไม่ให้แยงตา โดยใช้เทคนิคการปลูกผักด้วยแสงเทียม นอกจากสีเขียวที่ช่วยให้ความสดชื่นสบายตาแล้ว ปลูกไว้ราว 1 เดือน สามารถเก็บผักมากินได้ รวมค่าน้ำค่าไฟแล้วประมาณ 400 บาท แม้จะดูว่าต้นทุนสูง แต่ถ้าเทียบกับงานการออกแบบและดีไซน์แล้วถือว่าคุ้มค่า
นอกจากนี้ การปลูกพืชผักด้วยแสงเทียมยังสามารถนำไปใช้กับการเพาะปลูกพืชผักที่มีราคาหรือมูลค่าสูงได้ โดยปลูกในระบบปิดที่ควบคุมทั้งอากาศ ความชื้น อุณภูมิ ที่ต้องการอาหารหรือพืชผักที่มีความปลอดภัยสูง เช่นการเพาะถั่งเช่า สมุนไพรที่มีมูลค่าสูงในตลาด หรือจะเป็นการปลูกผักพร้อมทาน อย่างที่ ทิวา จามะรี เกษตรกรหนุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจนำการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ด้วยแสงเทียมในระบบปิดหรือที่เรียกว่า เทคโนโลยีโรงงานผลิตพืช (Plant Factory) มาต่อยอดด้วยการปลูกผักสลัด 3 ชนิด ในกล่องบรรจุภัณฑ์ เป็นเจ้าแรกของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนแรงงานในการตัดแต่งและใส่บรรจุภัณฑ์ และไม่ถูกสัมผัสจากผู้ผลิต ทำให้ผักปลอดภัย แถมใช้พื้นที่ปลูกน้อยมาก เพียง 16 ตารางเมตร ผลิตได้ครั้งละ 2,000 กล่อง ขายในส่งห้างสรรพสินค้า กล่องละ 69 บาท ลงทุน 500,000-600,000 บาท คาดว่าจะคืนทุนได้ในเร็วๆ นี้. – สำนักข่าวไทย