วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2568
ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2568
ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2568
10 ส.ค. – วันนี้จะพาไปรู้จักสตาร์ทอัพไทยรายแรกของโลกที่เปลี่ยนระบบการผลิตและระบบอุปโภค เพื่อลดขยะ สร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม ตอบสนองเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ผ่านบริการให้เช่าที่นอนใหม่.-สำนักข่าวไทย
เชียงใหม่ 10 ส.ค. – คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัวหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระบบใหม่แห่งแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดผู้ป่วยไปแล้ว 20 ราย พบว่าช่วยให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดจุดที่ซับซ้อนในร่างกายเข้าถึงยากได้แม่นยำขึ้น ช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ลดความเจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย
10 ส.ค. – ตามกันต่อกับการโจรกรรมรถข้ามชาติ กับกลโกงของมิจฉาชีพ ที่อาศัยเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนแยบยล หลอกเช่ารถจากเจ้าของรถเช่า ส่งให้แก๊งค้ารถในกัมพูชา และส่งไปขายต่อในลาว.-สำนักข่าวไทย
10 ส.ค.- กำลังใจจากแนวหลังทยอยถึงทหารที่ประจำการอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความดีใจให้กับทหารแนวหน้าเป็นอย่างมาก ขณะรัฐบาลเปิดแพ็กเกจเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุพิพาทไทย-กัมพูชา บรรยากาศที่อุทยานผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เครือข่ายสายบุญจาก จ.อุบลราชธานี คณะครู นักเรียน โรงเรียนนารีนุกูล ชาวบ้าน ต.หัวเรือ และพยาบาลในพื้นที่ ร่วมกันจัดส่งสิ่งของจำเป็นให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร ทั้งอาหารแห้ง ถุงเท้า เสื้อผ้า หน้ากากอนามัย ยารักษาโรค ผ้าอนามัย และข้าวสารขวด จำนวน 600 ขวด บรรจุในขวดพลาสติกน้ำดื่ม เพื่อสะดวกต่อการพกพาและป้องกันการฉีกขาด นอกจากนี้ยังมอบหลวงปู่เครน จากวัดป่าบ้านเก่า อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี และ “หลวงปู่ศิลา รุ่นเหนือดวง” เพื่อเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับทหารกล้า แต่ที่สร้างรอยยิ้มที่สุดคือขนมคุกกี้ที่เด็กๆ จากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านปรานี ช่วยกันทำด้วยใจ และบรรจุในซองที่เขียนว่า “LOVE” พร้อมจดหมายให้กำลังใจจากนักเรียนโรงเรียนนารีนุกูล ทั้งนี้ ทหารทุกนายกล่าว ขอบคุณน้องๆ ทุกคน และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง ขณะที่รัฐบาลเผยการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุพิพาทไทย-กัมพูชาครั้งนี้ สำหรับ ครม. เห็นชอบเยียวยากรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพ ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้ 10 […]
10 ส.ค. – “วราวุธ” ส่งทีมเยี่ยมให้กำลังใจ “จ่าธานี” ทหาร 3 นาย บาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิด พูดคุย ช่วยเหลือเยียวยา จ่อส่งทีมฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวถึงบ้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงกรณีทหารชุดลาดตระเวนเส้นทางชายแดนไทย-กัมพูชา ตรวจสอบเส้นทางเพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่บริเวณรอยต่อบ้านโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เหยียบทุ่นระเบิดจนเป็นเหตุให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ว่า ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. รายงาน ว่า ศรส.พม. จังหวัดอุบลราชธานี โดยนายวิศิษฐ์ ผลดก พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังทหารทั้ง 3 นาย ได้แก่ นอกจากนี้ ได้พูดคุยให้คำปรึกษา แนะนำเรื่องสิทธิสวัสดิการต่างๆ ของกระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทาง ศรส. กระทรวง พม. จะประสานความช่วยเหลือต่างๆ ไปยัง ศรส.พม.จังหวัดอำนาจเจริญ […]
10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย
ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]
สระแก้ว 10 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว ติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลง เพื่อสกัดกั้นแรงงานเถื่อน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เร่งสร้างความมั่นใจ ความสงบเรียบร้อยให้ประชาชนในพื้นที่ กำลังทหารพรานที่ 12 และทหารพรานที่ 1201 หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ร่วมกันติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลงตลอดแนวชายแดนในพื้นที่คลองพรหมโหด ตั้งแต่จุดตรวจอรัญประเทศ 20 สะพานคลองลึก ไปถึงจุดตรวจอรัญประเทศ 31 รวมระยะทาง 9.8 กิโลเมตร เพิ่มประสิทธิภาพสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว แก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มักใช้ช่องทางธรรมชาติหลบหนี รวมถึงป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ ตามเขตแนวชายแดนไทย ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก ที่เน้นย้ำจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการควบคุมแรงงานต่างด้าว ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หวังช่วยสร้างความมั่นใจและความสงบเรียบร้อยให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้มากยิ่งขึ้น สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดล่อเเหลมที่กลุ่มลักลอบทำผิดกฎหมายมักใช้เป็นเส้นทางเดินเข้า-ออกประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่เอื้อต่อการหลบซ่อนข้ามแดนได้ค่อนข้างง่าย ดังนั้น การติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลงเพิ่มขึ้นเป็น 2 ชั้น มีความหนาและสูงครั้งนี้จะช่วยลดช่องว่างและจำกัดการเคลื่อนที่ของกลุ่มคนเหล่านี้ได้.-สำนักข่าวไทย
กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – ตำรวจไซเบอร์ รวบ 2 วัยรุ่น รับจ้างนายทุนจีน ตระเวนใช้เครื่องจำลองสถานีฐาน (FBS) ส่ง SMS ปลอมแนบลิงก์หลอกเหยื่อ หวังดูดเงินจากบัญชี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลปฏิบัติการ “Operation Pinklao” จับกุมนายนิรันดร์ อายุ 20 ปี และนายกิตติวรา อายุ 21 ปี พร้อมเครื่องจำลองสถานีฐาน (False base station) หรือ FBS และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ภายหลังตระเวนใช้เครื่อง FBS ส่ง SMS ปลอมเป็นชื่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ใช้ข้อความที่อ้างคะแนนจะหมดอายุ เพื่อล่อลวงให้ประชาชนคลิกลิงก์แลกรางวัล หวังดูดเงินจากบัญชี ก่อนหน้านี้ทาง AIS ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้รับ SMS ปลอมแนบลิงก์น่าสงสัย คาดว่ามาจากมิจฉาชีพ จึงประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์ และเริ่มทำการสืบสวนพร้อมนํากําลังลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับทีมวิศวกรจาก […]
กรุงเทพฯ 10 ส.ค.- ห้ามตั้ง-ขยายโรงงานที่ใช้สารปรอท และห้ามใช้สารปรอทในกระบวนการผลิต มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ลงนามในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตและห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต พ.ศ. 2568 ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติในหลักการร่างประกาศฯ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 มีเป้าหมายเพื่อควบคุมและเลิกการใช้และการปลดปล่อยปรอทจากแหล่งกำเนิดตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ ที่มุ่งเน้นการควบคุม ลด และเลิก สำหรับการผลิต การนำเข้าและส่งออก การใช้ การปลดปล่อย การปล่อยปรอทและสารปรอท จากแหล่งกำเนิดที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญ รวมถึงแหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมปรอท กระบวนการผลิตที่มีการใช้ปรอท การทำเหมืองแร่ทองคำพื้นบ้านขนาดเล็ก การจัดการของเสีย และพื้นที่ปนเปื้อนปรอท ซึ่งจะเห็นได้ว่าครอบคลุมในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่อากาศและปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น โดยประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 และอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้กับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20 […]
กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – ภาษีทรัมป์กลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียน เพิ่มโอกาสส่งออกไทยและอาเซียน ดันจีดีพีเกิน 2% แนะ กนง. ลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทรัมป์เรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรในอัตราที่แตกต่างกันมากระหว่างกลุ่ม BRICS และกลุ่มอาเซียน การแข่งขันระหว่างสินค้าส่งออกในกลุ่ม BRICS และอาเซียนในตลาดสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าส่งออกบางประเภทสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่บางประเทศได้โอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดใหม่ อัตราภาษีทรัมป์ที่เรียกเก็บจากกลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียนค่อนข้างมาก เป็นการสร้างโอกาสสินค้าส่งออกของไทยและอาเซียนที่ต้องแข่งขันกับกลุ่ม BRICS การส่งออกอาจขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากประเทศ BRICS มายังไทยและอาเซียนมากขึ้น หากส่วนต่างของอัตราภาษีศุลากรของสองกลุ่มประเทศนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่า 2% ได้ ภายใต้นโยบาย Liberation Tariffs และบทลงโทษเพิ่มเติมของสหรัฐ กลุ่ม BRICS ต้องเผชิญภาษีสูงมาก โดยเฉพาะจีน (55%) และอินเดีย-บราซิล (50%) ส่งผลกระทบหนักต่อสินค้าหลัก เช่น สินค้าเกษตร […]